ซุบซิบ กะพริบข่าว โดยกระจิบข่าว

  • มหรรศจรรย์ แห่งดาวทะเล - ผลิตภัณฑ์ใหม่ มาลาบูกิ ตัวนิวท์ที่ถูกตัดขา และเส้นประสาท (ตำแหน่งดาวสีเหลือง) 2 ตัว ตัวที่ไม่ได้รับโปรตีน nAG (ซ้าย) จะไม่มีขาใหม่งอกออกมา ส่วนตัวที่ได้ร...
    14 ปีที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แนวโน้มตลาดเวชสำอางทั่วโลก



แนวโน้มตลาดเวชสำอางทั่วโลกแตกต่างจากแนวโน้มตลาดเวชสำอางในไทย

ข้อมูลพวกนี้มีผลอย่างไรต่อตลาดที่อยู่ในมือคุณ? เรื่องนี้คุณไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจเครื่องสำอาง... นี่เป็นเรื่องที่คุณต้องรู้!
จากการสำรวจตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกพบว่า ในกลุ่ม Skin Care ตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วที่สุดก็คือ ตลาดเวชสำอาง (Cosmeceutical Market) ครับ... ซึ่งมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 55,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ! – ใช่ครับ... คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ ตัวเลขนี้ได้มาจากการประชุมประจำปีทางด้านเวชสำอางครั้งที่ 5 (5th Annual Cosmeceutical Conference) เมื่อวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2008 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Marriott East side ในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และงานนี้ก็จัดโดย ALM หรือ Strategic Research Institute


หัวข้อหลักๆ ที่พูดถึงกันมากในงานนี้ก็คือ Skin care ในกลุ่ม Anti-aging, Natural ingredients และเครื่องสำอางสำหรับคนสีผิว ส่วนผู้ที่ได้รับเชิญมาพูดในงานนี้ก็ล้วนแต่เป็นแพทย์และผู้ที่เชี่ยวชาญโดยตรง
ในงานนี้ Navin Geria คอลัมนิสต์ชื่อดังของ Happi magazine ได้พูดย้ำให้เห็นว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มีความคาดหวังและต้องการใช้เครื่องสำอางที่ใช้แล้วเห็นผลจริงและเห็นผลเร็ว! แต่ส่วนใหญ่มักจะผิดหวังกับการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากการโฆษณา ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือสินค้าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อได้นำเสนอเครื่องสำอางที่มีราคาสูงโดยอ้างว่าเห็นผลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง (ซี่งแบรนด์ที่ว่านี้ต่างก็เข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วย มีหลายคนที่เป็นเหยื่อ เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น)
นอกจากนี้คุณ Navin Geria ยังได้พูดถึงแนวโน้มใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกก็คือ เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงตลาดเครื่องสำอางในอนาคต อย่างเช่นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
และยังระบุไว้ด้วยว่า คนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการผ่าตัดศัลยกรรมความงามและการใช้โบท๊อกซ์ให้น้อยลง โดยจะหันมาเน้นเรื่อง ความสวยจากภายในสู่ภายนอก (Beautiful inside and out) ดังนั้นผู้บริโภคจึงเริ่มมาสนใจการกินอาหารเสริมหรือวิตามินที่จะช่วยให้ดีขึ้นทั้งด้านสุขภาพและผิวพรรณ
จูเลีย แมคนามารา รองประธานของ Datamonitor ได้พูดถึงแนวโน้มในอนาคตของเวชสำอางในอเมริกา โดยเน้นย้ำว่า พฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคในอเมริกาเองหรือที่อื่นๆ ทั่วโลก จะซื้อเนื่องจาก “มีการแนะนำกันแบบปากต่อปาก”

นักพูดอีกคนที่น่าสนใจในงานก็คือ Dr. Andrew F. Alexis ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของ Skin of Color Center จากโรงพยาบาล St. Luke’s-Roosevelt และเป็นผู้ที่ได้พัฒนาเวชสำอางสำหรับคนสีผิวขึ้นมา
ไฮไลต์ในหัวเรื่องนี้ก็คือ เขาได้ชื้ให้เห็นว่า เวชสำอางสำหรับคนสีผิวนั้น ซึ่งรวมไปถึงคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน, ลาตินและคนเชื้อสายเอเชีย ต่างก็ใช้จ่ายเงินไปถึง 1.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ไปกับการซื้อเครื่องสำอาง ซึ่งเครื่องสำอางที่พวกเขาหาซื้อกันก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้สีผิวสว่างขึ้น ขาวขึ้นและดูสดใส และแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็น ไฮโดรคิวโนน, Arbutin, Kojic acid, retinols, licorice, niacinamide, AHA หรือ Vitamin C + E — ขอแต่เพียงให้สีผิวของตนเองดูดีขึ้น, สว่างขึ้น, ขาวใสขึ้นเท่านั้น! — นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาพอใจและต้องการ

... กลับมาที่ประเทศไทยเรา พฤติกรรมเช่นนี้ของคนไทยเราก็ไม่ได้แตกต่างไปจากของคนสีผิวในอเมริกาหรือที่อื่นๆ ทั่วโลก เพราะถึงอย่างไรเสียคนเอเชียก็ยังมีค่านิยมที่ว่า “ผิวหน้าที่สว่างสดใส บ่งบอกถึงความมีราศีและความมั่งคั่ง” – หรือคุณว่าไม่จริง?
Written By : Dr.Bunlue

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น