ซุบซิบ กะพริบข่าว โดยกระจิบข่าว

  • มหรรศจรรย์ แห่งดาวทะเล - ผลิตภัณฑ์ใหม่ มาลาบูกิ ตัวนิวท์ที่ถูกตัดขา และเส้นประสาท (ตำแหน่งดาวสีเหลือง) 2 ตัว ตัวที่ไม่ได้รับโปรตีน nAG (ซ้าย) จะไม่มีขาใหม่งอกออกมา ส่วนตัวที่ได้ร...
    14 ปีที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มหรรศจรรย์ แห่งดาวทะเล


ผลิตภัณฑ์ใหม่ มาลาบูกิ

ตัวนิวท์ที่ถูกตัดขา และเส้นประสาท (ตำแหน่งดาวสีเหลือง) 2 ตัว ตัวที่ไม่ได้รับโปรตีน nAG (ซ้าย) จะไม่มีขาใหม่งอกออกมา ส่วนตัวที่ได้รับโปรตีน nAG ทดแทน (ขวา) ขวาใหม่งอกขึ้นมาภายใน 40 วัน


เอ เอฟพี/เอเยนซี/ไลฟ์ไซน์ - คนถูกตัดแขนขาดแล้วงอกขึ้นมาใหม่ได้ อาจไม่เป็นเพียงจินตนาการผ่านจอภาพยนตร์แล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบปริศนาว่าทำไมสัตว์เลื้อยคลานจำพวก "ซาลาแมนเดอร์" ที่เมื่อถูกตัดขาแล้วสามารถสร้างอวัยวะใหม่ขึ้นมาแทนที่ขาเดิมได้ ว่าที่แท้พวกเขามี "โปรตีน" พิเศษบางอย่าง

ทีมนักวิจัยของอังกฤษพบ "โปรตีน" ชนิดหนึ่งในตัวนิวท์ (newt) สัตว์จำพวกซาลาแมนเดอร์ (salamander) มีลักษณะคล้ายจิ้งจก อาศัยอยู่ได้ทั้งบนบก และในน้ำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่ทดแทนของเติมที่ถูกตัดขาดไป โดยหวังว่าจะช่วยชี้ทางการรักษาผู้ป่วยได้ในอนาคต พร้อมกันนี้ได้รายงานผลการวิจัยลงในวารสารไซน์ (Science)

เมื่อตัวนิวท์เกิดการบาดเจ็บจนขาขาด เส้นประสาทบริเวณรอบบาดแผลจะกระตุ้นให้มีการหลั่งโปรตีนที่เรียกว่า "เอ็นเอจี" (nAG) ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดในบริเวณดังกล่าวให้แบ่งตัว และเจริญเป็นเซลล์ "บลาสทีมา" (blastema) และจะพัฒนาต่อไปเป็นขา และนิ้วใหม่ที่มีลักษณะเหมือนของเดิม


อื่นๆ...05:ทึ่ง! พบ "ปลาดาว" นับล้าน....ใต้ทะเล

วันนี้ดิฉันมีข่าวที่น่าสนใจมากมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ เพื่อนๆ เคยเห็นปลาดาวไหมคะ หลายคนคงเคยเห็นแล้ว แต่เคยเห็นปลาดาวนับล้านตัวไหมคะ วันนี้ดิฉันมีข่าวนี้มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ

นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลสำรวจพื้นที่เทือกเขาแม็กควารี่ริดจ์ใต้ทะเล และพบว่ามีปลาดาวตัวเล็กๆ ขนาด 2 นิ้ว นับล้านตัวอาศัยอยู่ที่นั่น

เทือก เขาแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่สงบมานานนับล้านปี กินอาณาเขตตั้งแต่ทางใต้ของนิวซีแลนด์ไปจนถึงแอนตาร์กติกา ดร.มิเรล คอนซาลวี่ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล กล่าวว่า "ฉันไม่เคยพบเห็นปลาดาวมากขนาดนี้มาก่อน มันกำลังรออาหารที่พัดมากับกระแสน้ำ"

การที่พบปลาดาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่า "บริตเทิ่ล สตาร์ ซิตี้"

นาย ทิม โฮฮาร่า ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาดาว มีความเห็นว่า โดยปกติแล้วปลาจะกินปลาดาวเป็นอาหาร การที่มีปลาดาวอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงว่าพื้นที่นี้ขาดผู้ล่าหรือมีปลาจำนวนน้อยนั่นเอง และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลาอยู่บริเวณนี้น้อยอาจเป็นเพราะกระแสน้ำเซอร์ คัมโพลาร์ที่อยู่ริมทะเลแอตแลนติก แปซิฟิก ซึ่งกระแสน้ำนี้มีปริมาณน้ำมากจนสามารถบรรจุในแม่น้ำทั้งหมดในโลกได้ถึง 150 เท่า

เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่เบาเลยนะคะ ลองคิดดูถ้าเราไปอยู่ท่ามกลางฝูงปลาดาวนับล้านตัว จะเป็นอย่างไรคะ

ขอบคุณที่มา http://www.yenta4.com/webboard/2/1245753.html

Q 10 และสารสกัดชีวะภาพ อินเทรนด์

สวยทันใจด้วย 4 สายพันธุ์ สารสกัดชีวภาพ

กระแสการกระตุ้นความงามแบบยั่งยืนจากภายในกำลังเป็นเทรนด์ฮิตที่ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั้งนี้เพราะสารสกัดชีว ภาพจากพืช ผัก ผลไม้ และแหล่งอุดมคุณค่าต่างๆ ไม่ค่อยจะให้ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่กลับให้ ประสิทธิภาพ ความสวยใสแบบย้อนวัยได้ทันตาทันใจ ยิ่งใครรับประทานควบคู่ไปกับอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกาย ฝึกเจริญสติใน แบบเซนด้วยแล้ว ยิ่งอิ่มเอิบจากภายในชนิดออร่าฉายชัดเจิดจรัสสู่ภายนอกทีเดียว

เป็นที่น่าสังเกตว่า สารสกัดจากธรรม ชาติซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรดสำคัญในร่างกาย วิตามินที่กระตุ้นการทำงานคืนสมดุลในอวัยวะชั้นเซลล์เหล่านี้สา- มารถ ดื่ม กิน ร่วม และให้ผลส่งเสริมประสิทธิภาพความงามซึ่งกันและกันได้อย่างยอดเยี่ยมและถ้า คุณคือสาวที่อยากย้อนความอ่อนเยาว์ นี่คือความลับ และวิธีสร้างสวยทันใจ ด้วย 4 สายพันธุ์สารสกัดชีวภาพ ที่ไม่ควรละสายตาในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร

Amino Acide

WHAT IS IT? : กรดอะมิโน เป็นหน่วยทางเคมีของร่างกายเพื่อสร้างโปรตีนซึ่งจะไปสร้างโมเลกุล เส้นเอ็น อวัยวะ ข้อต่อ เล็บ ผม การเจริญเติบโต และการดูแลซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ อีกที กรดอะมิโนที่ได้จากการกินอาหารจะเรียกว่า ‘กรดอะมิโน เอสเซนเชียล’ Essential Amino Acid ส่วนกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้จะเรียกว่า ‘กรดอะมิโน นอน เอสเซนเชียล’ Amino Non Essential Acid GREAT EFFECTS : บำบัดโรคไขข้ออักเสบ ภูมิแพ้ กระเพาะอักเสบ โลหิตจาง จำเป็นต่อการ เติบโต และซ่อมแซมเนื้อเยื่อสำคัญต่อการผลิตของเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว ช่วยเหลือป้องกันร่างกายจากการแผ่รังสี ช่วยเหลือในการกำจัดสารหนัก สารพิษ เช่น สารตะกั่ว ออกจากร่างกาย ลดน้ำตาลในเลือด เพิ่มการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต เสริมการทำงานของคอลลาเจน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผ่อนคลาย ลดอาการนอนไม่หลับ ลดความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า ปรับสมดุลอารมณ์ให้คงที่ รักษาอาการ ปวดหัว ไมเกรน รักษาตับ และ โรคจากถุงน้ำดี EAT, DRINK & USE : ในปัจจุบันมีการดัดแปลงกรดอะมิโนผสมลงทั้งในเวชภัณฑ์ความงาม และในอาหารเสริมอย่างกว้างขวาง แต่ทางที่ดีที่สุดคือการรับประทานเข้าไป เพราะกรดอะมิโนจะเข้าสู่เซลล์ และถูกสังเคราะห์เป็นโปรตีนกว่ายี่สิบชนิด เสริมประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่าง ๆ ตลอดร่างกาย
Collagen
WHAT IS IT? : คอลลาเจน เป็นภาษากรีก แปลว่า กาว ทำหน้าที่เป็นกาวเชื่อมเซลล์แต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน คอลลาเจนโปรตีนมีปริมาณมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย อยู่ในผิวหนังชั้นหนังแท้ หลังอายุ 20 ปี คอลลาเจนโปรตีนจะเสื่อมสภาพลง ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนคือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด มลพิษต่างๆ บุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ชั้นผิวหนังมีการยุบตัวลง ต้นเหตุของ ความเหี่ยวย่น ริ้วรอย และความชราของผิวพรรณ และริ้วรอย GREAT EFFECTS : คอลลาเจนเสริมความเรียบตึง ของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน ทำงานเสริมกับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ ‘อิลาสติน’ ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิว ช่วยให้ผิวเต่งตึง อิลาสตินจะมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้มีความแข็งแรง ทนต่อสภาพถูกทำลาย ช่วยกระชับกล้ามเนื้อไม่ให้หย่อนยาน ผิวหนังไม่เหี่ยวย่น ชะลอ เยียวยาการเกิดริ้วรอย และยังบำรุงเล็บ เส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย
EAT & DRINK : แม้จะมีการเติมคอลลาเจน และอิลาสตินที่ขาดหายไปจากเซลล์ผิวด้วยกระบวนการผลักสารอาหาร หรือการเลือกทรีตเมนต์ที่ประกอบด้วย ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน, ไฮโดรไลซ์ อิลาสติน, โปรคอลลาเจน, AHAแต่การรับประทานคือทางเลือกที่ดีที่สุด อาหารเสริมคอลลาเจนคือ อาหารเสริมโปรตีนที่มีคุณภาพสูงซึ่งผลิตจากไขกระดูกข้อต่อ จากวัวที่ผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 120 °c เป็นเวลานาน 5 ชั่วโมง สกัดจนได้น้ำซุป นำไป Spray Dried เพื่อให้แห้งเป็นผง และนำไปผสมกับวิตามินซี, Whey, ซิลิกาและแมกนีเซียม นิยมผลิตในรูปของการอัดเม็ด ควรรับประทานทุกวันควบคู่ไปกับอาหารที่มีประโยชน์ น้ำสะอาด และการพักผ่อน ออกกำลังกาย เพื่อให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ ไม่ควรดื่มสุรา และสูบบุหรี่
Vitamin C
WHAT IS IT? : การค้นพบวิตามินซีเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในทหารเรือที่รับประทานมะนาวเป็นประจำทำให้ไม่มีอาการป่วยเป็นโรคลักปิด ลักเปิดต่อจึงระบุได้ว่ามันเป็นผลมาจากกรดแอสคอร์บิก(Ascorbic Acid) หรือวิตามินซีที่เรา คุ้นชื่อสามัญกันในปัจจุบัน
GREAT EFFECTS : วิตามินซีมีประโยชน์มากมาย มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ด้วยกระบวนการรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ให้คงอยู่ในร่างกาย วิตามินซีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ช่วยในการป้องกันเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอัลตร้าไวโอเลต สาเหตุโรคต้อกระจก ซึ่งผลวิจัยพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี มีความเสี่ยงของโรคต้อกระจกลดลงถึง77% บรรเทาอาการแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หอบหืด ไซนัส ป้องกันอาการไมเกรน ช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาทช่วยปกป้องเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันเสริมสมดุลให้สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อใน ร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น คอลลาเจน ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เต่งตึงกระชับ สุขภาพดีและเรียบเนียนอีกด้วย EAT & DRINK : สามารถเลือกรูปแบบได้ทั้งยาเม็ด ผงและเคี้ยว ควรรับประทานหลังอาหารอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน การบรรเทาโรคหวัดควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% รับประทานร่วมกับ Pantothenic Acid โดยวิตามินซีจะไปช่วยลดความเครียดได้ดี ะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะ ไบโลบ้า โคเอนไซม์ Q10 หาก รับประทานพร้อมกับ Super White, กลูตาไธโอน พร้อมทั้งดูแลผิวจากภายนอกด้วยการขัดผิว พอกผิว และบำรุงผิวเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ผิวขาวใสอมชมพู รับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
CO Q10
WHAT IS IT? : มีการค้นพบ Co Q10 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสารอาหารมหัศจรรย์ ครั้งแรกในปี ค.ศ.1957 โคเอนไซม์ Q10 เป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามิน ละลายในไขมัน มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายและร่างกายสามารถผลิตได้เอง พบในเซลล์ทุกเซลล์ ที่มีชีวิตโดยจะอยู่ที่ส่วนเยื่อหุ้ม (Membrane) ของไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial) และมีความจำเป็นต่อร่างกาย โคเอนไซม์ Q10 ที่ผลิตในร่างกายนี้สังเคราะห์มาจากกรดอะมิโนที่ชื่อ ไทโรซีน (Tyrosine) และฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ซึ่งเราจะพบวิตามิน Q มากในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เพราะหัวใจต้องใช้พลังงานมาก สารานุกรมวิตามินและเกลือแร่ ได้กล่าวถึงวิตามิน Q ไว้ว่า
โคเอนไซม์ คิว-10 (หมายถึงวิตามิน Q) เป็นส่วนหนึ่งของระบบการทำงานเพื่อส่งผ่านอิเล็กตรอนให้ไหลตลอดไมโตคอนเดรี ยในเซลล์ของกระบวนการสร้างพลังงานของสิ่งมีชีวิตจึงเป็นสารสำคัญยิ่งทาง ชีวเคมีมีการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างโคเอนไซม์ Q10 และวิตามินอี ซึ่งตามความจริงทั้งสองทำหน้าที่แตกต่างกันมาก อาจพบภาวะขาดโคเอนไซม์ Q10 ได้ ในคนทั่วไปเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไปร่างกายจะผลิตโคเอนไซม์ Q10 ได้น้อยลงเรื่อยๆ เมื่อถึงวัยกลางคนจึงมักจะขาดโคเอนไซม์ Q10 หากระดับลดลงมากเกินสมดุล ร่างกายจะไม่สามารถแปลงพลังงานจากอาหารนำไปใช้ได้ ทำให้เกิดการเจ็บป่วย ร่างกายอ่อนเพลีย ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสภาพ และอาจส่งผลให้เซลล์ตาย
GREAT EFFECTS : จากการศึกษาพบว่า Q10 ทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ในร่างกายเพื่อให้พลังงานในทุกเซลล์กระตุ้นการเผาผลาญ อาหารของร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี ลดอาการซึมเศร้า ช่วยกระตุ้นความจำดีขึ้น ช่วยไม่ให้ผมหงอก และผิวแห้งตกกระ รวมทั้งป้องกันผิวหนังอักเสบจากการแพ้แสงแดด ช่วยในการลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรค กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีผลต่อการทำงานของระบบหัวใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีการใช้บำรุงหัวใจอย่างกว้างขวาง ผลการวิจัยพบว่า วิตามิน Q ทำตัวเป็น สารต้านอนุมูลอิสระคล้ายวิตามินอี โดยจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้โมเลกุลของไขมันถูกทำลายเสียสภาพ จึงช่วยรักษาผนังเซลล์ให้คงสภาพอยู่ได้ ลดสาเหตุของความร่วงโรยก่อนวัย และมะเร็งในร่างกาย EAT & DRINK : โคเอนไซม์ Q10 ได้รับการใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการของโรคต่างๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพื่อลดริ้วรอยก่อนวัยและ ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ปัจจุบันมีการนำ 10 มาผสมในเครื่องสำอาง ผสมในครีมบำรุงผิวช่วยปรับรอยลึกในชั้นผิว และล่าสุดได้กลายเป็นอีกนวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อความงาม การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีและซีลีเนียม เช่น น้ำมันพืชชนิดต่างๆอาหารทะเล ข้าวกล้อง ร่วมกับเครื่องดื่มผสมโคเอนไซม์ Q10 จะช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ และยังไม่พบผลข้างเคียงของการได้รับสารเกินขนาด
ในการวิจัยเพื่อรักษาสายพันธุ์ของต้นแอปเปิ้ลของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ ใกล้จะสูญพันธ์ุด้วยวิธี สเต็มเซลล์ของบริษัท MIBELLE ที่พัฒนาการเพาะเลี้ยง เซลล์แอปเปิ้ลต้นแบบ ซึ่งเรียกชื่อ Phyto celltec TM ทำให้สเต็มเซลล์จากต้นแอปเปิ้ลกลับฟื้นคืนมาได้ การวิจัยยังพบว่ามันสามารถทำให้สเต็มเซลล์ของผิวหนังในมนุษย์สามารถฟื้นกลับ คืน

มา ช่วยชะลอวัยทำให้แลดูสาวกว่าอายุอีกด้วยสเต็มเซลล์ของพืชจะแตกต่างจาก สเต็มเซลล์ในคนเพราะ ต้นตอของสเต็มเซลล์ของพืชจะสามารถเติบโตเป็นส่วนของใบ, ดอก, เมล็ด ได้ดี ในขณะที่สเต็มเซลล์ในคนความสามารถในการเจริญเติบโตเป็นอวัยวะต่างๆ จะขึ้นอยู่ที่ว่าสเต็ม เซลล์นั้นได้มาจากตัวอ่อนของคนและสัตว์ในระยะใด ถ้าในระยะหลังๆ ความสามารถของสเต็มเซลล์ที่จะฟื้นฟูรัก ษาจะต่ำกว่าในระยะที่ไข่กับสเปิร์มผสมกันใหม่ๆ สารสเต็มเซลล์จากต้นแอปเปิ้ลเรียก Malus Domestica สามารถป้องกันรังสี UV B ซ่อมแซม DNA รักษาผมร่วง แก้รอยเหี่ยวย่น สามารถทำให้คุณกลายเป็นคนใหม่ที่ดูดีแม้ ใช้ครีมที่มีสารสกัดนี้เพียง 1 เดือนเท่านั้น และนี่คือผลหลังได้ทดลองใช้ด้วยตัวเองเป็นเวลาหนึ่งเดือนที่ พญ. รุจิเลขา เจียรไพศาลเจริญ ยืนยัน
+ Idebenone สารต่อต้านอนุมูลอิสระตัวจริง Idebenone ดีกว่าคิวเทนหลายสิบเท่า ช่วยลดรอยย่น และการแก่ก่อนวัยของผิวหนัง สารอีแดปบีโนน มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามิน C วิตามิน E เมื่อทาลงบนร่างกาย มันจะซึมไปในชั้นผิวหนังลึก (Dermis) เข้าถึงเซลล์ผิวหนังกันความเสื่อมของเซลล์ผิวอย่างแท้จริง มีการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ผสมสารอีแดปบีโนนในผู้

ที่ ทำกิจกรรมกลางแสงแดด พบว่า เซลล์ที่ถูกรังสี มีการเปลี่ยนแปลงน้อยลง ในอาทิตย์แรกผู้ใช้อาจมีการลอกของผิวหนัง แต่เมื่อใช้ไปสัก 1-2 อาทิตย์ จะไม่มีปฏิกิริยาลอก และเมื่อเพิ่มปริมาณการใช้ จากวันละครั้ง เป็นวันละ 2 ครั้ง เราวัดค่าความสามารถในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงเมื่อเกิดอนุมูลอิสระ (EPF) พบว่าสารอีแดปบีโนนมีค่า EPF ถึง 95 สูงมากที่สุดในกลุ่มสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในท้องตลาดปัจจุบัน ผลหลังกลุ่มผู้ทดลองใช้ต่อเนื่องหนึ่งเดือน พบว่า 29% รอยย่นลดลง 26% ผิวเนียนขึ้น 37% ผิวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และ 33% ใบหน้าจะดูเต่งตึง มีน้ำมีนวลขึ้น

และนี่คือสองสารชีวภาพเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มมีบทบาทตั้งแต่กลางปี 2009 ที่สาวอยากสวยทุกคนรอคอย พญ. รุจิเลขา เจียรไพศาลเจริญ ยังฝากคำเตือนดีๆ มาให้สาวๆ ด้วยว่า ก่อนจะซื้อครีมควรให้ความสนใจส่วนประกอบสักนิดไม่อย่างนั้นนอกจากจะต้องจ่าย แพงแล้วอาจได้ผลที่ไม่สวยสมใจอีกด้วย ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคเศรษฐกิจพอเพียง ควรเลือกวิธีสร้างความงามอย่างชาญฉลาด

ได้ข้อมูลครบครันขนาดนี้ ขั้นต่อไปก็อยู่ที่คุณ
แล้วว่าจะเริ่มต้นสวยแบบยั่งยืนจากภายในอย่างไร จะเริ่มต้นเมื่อไหร่ ไม่สำคัญเท่าศึกษามันให้
ถ่องแท้ และทำสม่ำเสมอด้วยศรัทธาพยายาม
แล้วคุณจะพบความงามที่เป็นจริง





คุณสมบัติของสารสกัดในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (2)
ธัญญลักษณ์ เหล็กพิมาย

เมื่อคราวที่แล้วเราได้ทราบถึงคุณสมบัติจากสารสกัดในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไป หลายชนิดแล้วนะคะ ทั้งสารสกัดจากชาเขียว สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากเปลือกสน และสารไลโคปิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีคุณสมบัติเด่น ๆ ในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอการเหี่ยวย่นของผิวพรรณวันนี้เรามาทำความ รู้จักกับสารตัวอื่นกันต่อนะคะ
สารที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะในโฆษณาผลิตภัณฑ์เพื่อความงามก็คือ โคเอนไซม์คิวเทน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกันค่ะแต่ว่าร่างกายเราสามารถผลิตได้เอง จากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยเฉพาะในอาหารทะเล เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากถั่ว คุณสมบัติเด่นของโคเอนไซม์คิวเทน ก็คือการลดการเกิดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื่นแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว และยังช่วยป้องกันผิวหนังอักเสบจากแสงแดดอีกด้วย
น้ำมันสกัดจากดอกอีฟนิ่งพริมโรส มีคุณสมบัติในการคงความชุ่มชื่นสดใสให้ผิวพรรณ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล รวมทั้งลดริ้วรอยและความหมองคล้ำ แต่จะมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเฟ้อหรือเป็นผื่นแพ้ได้จึงควรรับประทานพร้อมกับอาหารอื่น ๆ ค่ะ
สารสกัดจากผลส้มแขก ส่วนใหญ่แล้วจะทานเพื่อมุ่งเน้นการลดความอ้วน เนื่องจากสารในผลส้มแขกนี้จะมีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งการสะสมของไขมัน ส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้ สำหรับผลข้างเคียงนั้นถึงตอนนี้ยังไม่พบว่ามีผลข้างเคียงค่ะ แต่ต้องรับประทานตามคำแนะนำในฉลากอย่างเคร่งครัดนะคะ
สาหร่ายสไปรูไลนา หรือสาหร่ายเกลียวทอง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันนะคะ โดยมักนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแคปซูล สาหร่ายชนิดนี้จะมีสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ วิตามิน เกลือแร่ กรดไขมันจำเป็นและสารคลอโรฟิลล์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนจากพืชแต่ไม่ชอบกินผักและไม่อยากอ้วนค่ะ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต้องระวังในการเลือกซื้อด้วยนะคะ คือ ควรเลือกซื้อยี่ห้อหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐานเพียงพอด้วยค่ะ
โสม ส่วนที่นิยมนำมาใช้ก็คือรากโสม ซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย ต่อต้านความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและความเครียด ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดอาการมึนชาช่วยให้อารมณ์ดีมีสมรรถนะทางเพศเพิ่มขึ้น แต่ก็มีผลข้างเคียงในบางคนคือมีอาการท้องเดิน ผิวหนังเป็นผื่น หงุดหงิด ความดันสูง นอนไม่หลับ ฯลฯ
ท่านผู้ฟังคะ คุณสมบัติของสารต่าง ๆ ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังที่ได้ยกตัวอย่างไปนั้น อาจจะมีข้อดีมากมาย แต่บางอย่างก็ยังคงมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใด ยี่ห้อใดมาใช้ก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนนะคะว่าเหมาะกับเราหรือเปล่า และจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราหรือไม่ เพราะราคาก็ค่อนข้างแพงถ้าซื้อมาแล้วไม่เกิดประโยชน์แถมยังเกิดโทษเสียอีกก็ คงแย่ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ทานอาหารให้ครบทุกหมู่ถูกหลักโภชนาการและออกกำลังกายสม่ำเสมอ ท่านก็มีสุขภาพที่ดีได้โดยไม่ต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและไม่ต้องเสีย เงินทองมากมายอีกด้วยค่ะ

แหล่งอ้างอิง
http://bodyslen.com/FrontOffice/SERVICES/servicepage.asp?
ingredientid=22
http://digital.lib.kmutt.ac.th/news_content.php?n_id=19#42
http://www.livewellguide.com/tips/thai/tip106_01.html

อัตรการเจริญเติบโต สูงที่สุด

KELP
"แหล่งสารอาหารจากทะเล" สารประกอบหลัก ผลิตภัณฑ์ มาลาบูกิ

เคล์ป เป็นสาหร่ายทะเลสีน้ำตาลที่พบได้มากในทะเลน้ำเย็น และเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารนานาชนิดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ทะเลและมนุษย์ ได้แก่ Algenic acid, Biotin, Bromine, Calcium, Inositol, Iodine, Potassium, Selenium, Sodium, Sulfur, Vitamin A, B1, B3, B6, B12, C, E และ Zinc นอกจากนี้ยังพบสารสำคัญอื่นอีกหลายชนิดเช่น Phenolic Compounds, Phloroglucinol, Fucophorethols, Mucopolysaccharides, Algin และอนุพันธ์ของ Phlorotannin

ประโยชน์ และกลไกการออกฤทธิ์
สาหร่ายเคล์ปได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษเนื่องจากมีไอโอดีนสูง ที่นอกจากจะช่วยป้องกันและรักษาโรคคอพอกชนิดขาด ไอโอดีน (Hypothyroidism) แล้ว ยังช่วยให้ร่างกายสร้างไธรอยด์ฮอร์โมนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ไธรอยด์ฮอร์โมนมีหน้าที่ช่วยในการเผาผลาญ (metabolism) ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ในร่างกาย* จากผลการวิจัยพบว่าไธรอยด์ฮอร์โมนจะช่วยเผาผลาญไขมันผ่านกระบวนการไซคลิคเอ เอ็มพี (cAMP) ซึ่งจะเผาผลาญไขมันได้ทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้ยังพบว่าไธรอยด์ฮอร์โมนช่วยกระตุ้นให้โคเลสเตอรอลเปลี่ยนเป็นกรด น้ำดี (Bile Acids) และกระตุ้นให้ตับผลิตตัวรับสัญญาณของโคเลสเตอรอล ชนิดเลว LDL (Low Density Lipoprotein) ทำให้เซลล์ของตับสามารถจับ LDL และนำไปทำลายในเซลล์ได้เร็วขึ้น พลังงานที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญ จะมีส่วนช่วยให้รู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้นมากขึ้น

สารสกัดจากบัวบก สุดยอดการแพทย์แผนไทย

สารประกอบหลัก ผลิตภัณฑ์ มาลาบูกิ



ใบบัวบก

ชื่อสามัญ : Asiatic Pennywort

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Centella asiatica (Linn.) Urban.

วงศ์ : UMBELLIFERAE

ลักษณะทั่วไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก อยู่ในจำพวกผัก ลำต้นชอบเลื้อยไปตามพื้นดินที่ชื้นแฉะโดยทั่ว ๆ ไปขึ้นง่าย

ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ข้อ ข้อละ 2-10 ใบ มีลักษณะคล้ายรูปไต ใบกลมริมขอบใบจะเป็นจักเล็กน้อย

ดอก : จะออกเป็นช่อคล้ายร่ม เดี่ยว ๆ หรือมีประมาณ 2-5 ช่อหนึ่งมักจะมีประมาณ 3-4 ดอก ดอกจะเป็นสีม่วงอมแดง ก้านช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 0.5-5 ซม. ริ้วประดับจะมีประมาณ 2-3 ใบ

เกสร : เกสรตัวผู้นั้นจะสั้น

ผล : จะมีลักษณะแบน มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 3-4 มม.

การขยายพันธุ์ : โดยเมล็ด และไหล คือตัดแยกไหลที่มีต้นอ่อนและรากออกแล้ว จึงนำไปปลูกในที่ชื้น

แฉะ และต้องได้รับแสงแดดมากพอควร อีกไม่นานมันก็จะกระจายพันธุ์แพร่ไปเต็ม พื้นที่

ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใช้เป็นยา

สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้รักษาอาการช้ำใน เป็นยาบำรุงหัวใจและบำรุงกำลัง รักษาอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ เป็นยาขับโลหิตเสีย รักษาโรคผิวหนัง ใช้รักษาบาดแผล รักษามุตกิจ ระดูขาว รักษาพิษเนื่องจากถูกงูกัด และรักษาอาการเริ่มเป็นบิ ทำให้โลหิตแผ่ซ่าน รักษาอาการท้องร่วง นอกจากนี้ยังใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เป็นยารักษาอาการร้อนในกระหายน้ำ
รักษาเด็กที่เป็นซางตัวร้อนและผอมแห้ง รักษาโรคปากเปื่อย ปากเหม็น เจ็บคอ น้ำลายไหล

อื่น ๆ : ใบบัวบกยังใช้เป็นอาหารต่างผักกินกับหมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ฯลฯ นอกจากนี้น้ำ ที่คั้นได้จากใบยังใช้เป็นเครื่องดื่มได้

ถิ่น ที่อยู่ : พรรณไม้นี้ เป็นพรรณไม้ในเขตร้อน พบขึ้นตามที่ชื้นทั่ว ๆ ไป ข้อมูลทางคลีนิคและทางเภสัชวิทยา : 1. มีฤทธิ์ในการลดอาการอักเสบ โดยการนำเอาใบบัวบกที่อยู่เหนือดินมากิน จะสามารถลดอาการอักเสบได้

2. จะมีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง โดยใช้น้ำคั้นสด ๆ ของบัวบกจะมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้สารที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ผสมน้ำ ยังสามารถยังยั้งเซลล์มะเร็งชนิด CA-9KB ได้ผล

3. มีฤทธิ์ในการสมานแผล โดยการนำเอาสารที่สกัดของบัวบก ที่เรียกว่า madecassol และสารที่สกัดได้จากบัวบก คือ madecassic acid, asiatic acid และ asiaticoside ซึ่งเป็นสารเคมีพวกไตรเทอร์ปีน (triterpene) ไปใช้สำหรับทาภายนอก เพื่อรักษาแผลในหนูขาว พบว่าสามารถทำให้แผลนั้นหายเร็ว

4. ฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เนื่องจากบัวบกเป็นยารักษาโรคผิวหนัง จึงได้นำไปทดลองกับเชื้อกลาก (Trichophytum mentagrophytes และ T.rubrum) จะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อกลากได้ดี

5. มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยใช้สารสกัดจากบัวบก ทั้งต้นด้วยน้ำร้อนกับเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดหนองคือ Staphylococcus aureus พบว่าได้ผลดี และยังมีผู้นำเอาอนุพันธุ์ของ asiaticoside ที่ได้จากบัวบกคือ oxyasiaticoside นำไปทดลองกับเชื้อวัณโรค พบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อวัณโรคได้ และได้นำไปทดลองกับหนูตะเภา ซึ่งทำให้เป็นวัณโรคก่อนแล้วจึงฉีดสารละลาย asiaticoside พบว่าสามารถลดปริมาณ แผลที่เกิดจากเชื้อวัณโรคใน ตับ ปอด ปมประสาท และม้ามได้

6. มีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง โดยการนำเอาสารที่สกัดชนิดต่าง ๆ ของใบบัวบก นำไปทดลองจะมีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง และได้พบว่าสารที่สกัดด้วยปิโตรเลียมอีเธอร์ ยังสามารถฆ่าตัวอ่อนของแมลง Pieris rapae cruciflora ส่วนสารสกัดได้จากบัวบกด้วยน้ำร้อนฆ่าแมลงสาบอเมริกันได้แต่ไม่สามารถฆ่า แมลงสาบเยอรมันได้

7. มีฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์ เมื่อฉีดสารสกัดจากใบบัวบกนั้น เข้าใต้ผิวหนังของหนูถีบจักรตัวละ 0.2 ซี.ซี. จะมีผลในการยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อน และเมื่อให้น้ำคั้นจากบัวบกทั้งต้น พบว่าได้ผลคุมกำเนิดในหนูถีบจักรได้ ส่วนสารชาโปนินที่ได้จากบัวบก นำไปทดลองกับเชื้ออสุจิ พบว่าไม่มีผลต่อเชื้ออสุจิ

8. มีฤทธิ์ในการลดอาการแพ้ สารที่สกัด จากใบบัวบกด้วย แอลกอฮอล์ผสมน้ำ 1:1 จะสามารถต้านอาการแพ้ได้ผล

9. มีฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อเรียบ สารที่สกัดได้จากใบบัวบกด้วยแอลกอฮอล์ผสมน้ำ 1:1 จะสามารถลดการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ของหนูตะเภาได้ ส่วนสารที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ จะสามารถทำให้กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้กระต่ายตอนบนคลายตัว และยังลดการเกร็งของกล้ามเนื้อมดลูกในหนูขาวซึ่งไม่ได้ตั้งครรภ์

10. มีฤทธิ์ลดความดันเลือด สารที่สกัดได้จากใบบัวบกด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำ 1:1 ช่วยลดความดันเลือดในหนูขาว และเมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำจะไม่มีผลลดความดันโลหิตในสุนัข แต่ถ้าฉีดสารที่สกัดนี้เข้าไปในหลอดเลือดดำสุนัขในขนาดประมาณ 50 มก./กก. จะได้ผลลดความดันเลือด

11. มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยฉีดสารที่สกัดได้จากบัวบกด้วยแอลกอฮอล์เข้าไปในช่องท้องของหนูขาวพบว่ามี ฤทธิ์ในการเป็นยาระงับประสาท และ Ramaswamy พบว่ามีฤทธิ์เช่นเดียวกันในหนูถีบจักร เมื่อให้สารสกัดไตรเทอปินอยด์ไกลโคไซด์ (Triterpenoid glycoside) ฉีดสารที่สกัดได้นี้ เข้าทางหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจกระต่าย ส่วนการฉีดเข้าหลอดเลือดดำในสุนัขโดยตรง จะพบว่าไม่มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท แต่เมื่อฉีดสารสกัดนี้เข้าในช่องท้องหนูขาว จะมีฤทธิ์ในการกดประสาท ส่วนการใช้สารสกัดด้วยน้ำและแอลกอฮอล์ 1:1 จะไม่ได้ผลทั้งกระตุ้นหรือกดประสาท หรือมีฤทธิ์ในการรักษาอาการปวด เพราะว่ามีสิ่งปนปลอมในสารที่สกัดมาก็ได้ และเมื่อฉีดสารสกัดอัลคาลอยด์แก่หนูขาวทางช่องทางนั้น จะไปเสริมฤทธิ์ยานอนหลับประสาทบาร์บิทิวเรท (barbiturate) และช่วยต้านฤทธิ์ยากระตุ้นประสาทชนิดแอมเฟตามีน (amphetamine) โดยมีผลเท่า ๆ กับยาคลอโปรมาซีน (chlorpromazine) ส่วนในประเทศไนจีเรีย ได้มีผู้ทำการทดลองฉีดสารสกัดบัวบก ด้วยแอลกอฮอล์เข้าทางช่องท้องหนูถีบจักร แต่ไม่สามารถต่อต้านโรคพาร์กินซัน (parkinson is disease)

12. มีฤทธิ์ช่วยลดไข้ เมื่อฉีดสารที่สกัดได้จากใบบัวบกด้วยแอลกอฮอล์ เข้าทางช่องท้องหนูขาว จะสามารถลดไข้ได้ประมาณ 1.2 ฐF และเมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำและแอลกอฮอล์เข้าทางช่องท้องหนูถีบจักร จะไม่ได้ผลเลย

13. มีฤทธิ์ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน เมื่อให้ผงใบ และต้นบัวบก ในรูปยาแขวนตะกอน (suspension) แก่หนูถีบจักรเพศเมีย จะได้ผลดี แต่ถ้าใช้สารสกัดด้วย เมทธานอลจะไม่ได้ผลเลย และนอกจากนี้ยังมีผู้พบฤทธิ์อื่น ๆ คือ มีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในเลือดหนูขาว
เมื่อให้กินสารสกัดแอลกอฮอล์และน้ำจะมีฤทธิ์ต่อหัวใย

14. มีฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร โดยใช้สารที่สกัดได้จากผลแห้ง ให้คนไข้ทั้งชายและหญิงกิน และฉีดเข้ากล้าม เมื่อส่องกล้องดูแผล จะพบว่าแผลนั้นหายเป็นปรกติ ซึ่งฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารนี้ ได้รับการสนับสนุนโดยงานของ Cho และพบว่าใช้ได้ผลและผลจะดีขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาลดกรด และยา cimetadine ซึ่งเป็นยาลดการหลั่งกรด

หมายเหตุ : "บัวบก (ไทย) ; ผักหนอก (พายัพ) ; ผักแว่น (ใต้)." In Siam. Plant Names, 1948, p.108. "บัวบก น. ผักหนอก ไม้ชนิดหนึ่งเกิดตามป่า มีหัวและใบคล้ายใบบัว." พจน.2493, น. 535. Hydrocotyle asiatica Vanpruk, 1923, p.163. "บัวบก."



พจนานุกรม สมุนไพรไทย ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม


สารสกัดจากเปลือกแอปเปิ้ล วิตามีน ซี สูง

ส่วนประกอบหลักใน ผลิตภัณฑ์ มาลาบูกิ

ไกลหมอด้วยแอปเปิล

การกินแอปเปิลทำให้ห่างไกลโรคมะเร็ง นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล พบว่าชิ้นแอปเปิลสด 100 กรัม ซึ่งยังไม่ปลอกเปลือก มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งเท่ากับวิตามินซี 1500 มิลลิกรัม ในห้องปฎิบัติการณ์ทดสอบเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ พบว่าสารสกัดจากผิวแอปเปิลสมามรถยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้ร้อยละ 43 ส่วนสารที่สกัดจากเนื้อแอปเปิลยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ถึง ร้อยละ 29 การทดสอบกับเซลล์มะเร็งในตับ พบว่าสารสกัดจากเปลือกแอปเปิลมีประสิทธิภาพ ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งได้มากกว่าร้อยละ 57 สารสกัดจากเนื้อแอปเปิลยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ร้อยละ 40

มหรรศจรรย์ แห่งดาวทะเล



ผลิตภัณฑ์ใหม่ มาลาบูกิ

ตัว นิวท์ที่ถูกตัดขา และเส้นประสาท (ตำแหน่งดาวสีเหลือง) 2 ตัว ตัวที่ไม่ได้รับโปรตีน nAG (ซ้าย) จะไม่มีขาใหม่งอกออกมา ส่วนตัวที่ได้รับโปรตีน nAG ทดแทน (ขวา) ขวาใหม่งอกขึ้นมาภายใน 40 วัน


เอ เอฟพี/เอเยนซี/ไลฟ์ไซน์ - คนถูกตัดแขนขาดแล้วงอกขึ้นมาใหม่ได้ อาจไม่เป็นเพียงจินตนาการผ่านจอภาพยนตร์แล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบปริศนาว่าทำไมสัตว์เลื้อยคลานจำพวก "ซาลาแมนเดอร์" ที่เมื่อถูกตัดขาแล้วสามารถสร้างอวัยวะใหม่ขึ้นมาแทนที่ขาเดิมได้ ว่าที่แท้พวกเขามี "โปรตีน" พิเศษบางอย่าง

ทีมนักวิจัยของอังกฤษพบ "โปรตีน" ชนิดหนึ่งในตัวนิวท์ (newt) สัตว์จำพวกซาลาแมนเดอร์ (salamander) มีลักษณะคล้ายจิ้งจก อาศัยอยู่ได้ทั้งบนบก และในน้ำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่ทดแทนของเติมที่ถูกตัดขาดไป โดยหวังว่าจะช่วยชี้ทางการรักษาผู้ป่วยได้ในอนาคต พร้อมกันนี้ได้รายงานผลการวิจัยลงในวารสารไซน์ (Science)

เมื่อ ตัวนิวท์เกิดการบาดเจ็บจนขาขาด เส้นประสาทบริเวณรอบบาดแผลจะกระตุ้นให้มีการหลั่งโปรตีนที่เรียกว่า "เอ็นเอจี" (nAG) ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดในบริเวณดังกล่าวให้แบ่งตัว และเจริญเป็นเซลล์ "บลาสทีมา" (blastema) และจะพัฒนาต่อไปเป็นขา และนิ้วใหม่ที่มีลักษณะเหมือนของเดิม


อื่นๆ...05:ทึ่ง! พบ "ปลาดาว" นับล้าน....ใต้ทะเล

วันนี้ดิฉันมีข่าวที่น่าสนใจมากมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ เพื่อนๆ เคยเห็นปลาดาวไหมคะ หลายคนคงเคยเห็นแล้ว แต่เคยเห็นปลาดาวนับล้านตัวไหมคะ วันนี้ดิฉันมีข่าวนี้มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ

นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลสำรวจพื้นที่เทือกเขาแม็กควารี่ริดจ์ใต้ทะเล และพบว่ามีปลาดาวตัวเล็กๆ ขนาด 2 นิ้ว นับล้านตัวอาศัยอยู่ที่นั่น

เทือก เขาแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่สงบมานานนับล้านปี กินอาณาเขตตั้งแต่ทางใต้ของนิวซีแลนด์ไปจนถึงแอนตาร์กติกา ดร.มิเรล คอนซาลวี่ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล กล่าวว่า "ฉันไม่เคยพบเห็นปลาดาวมากขนาดนี้มาก่อน มันกำลังรออาหารที่พัดมากับกระแสน้ำ"

การที่พบปลาดาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่า "บริตเทิ่ล สตาร์ ซิตี้"

นาย ทิม โฮฮาร่า ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาดาว มีความเห็นว่า โดยปกติแล้วปลาจะกินปลาดาวเป็นอาหาร การที่มีปลาดาวอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงว่าพื้นที่นี้ขาดผู้ล่าหรือมีปลาจำนวนน้อยนั่นเอง และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลาอยู่บริเวณนี้น้อยอาจเป็นเพราะกระแสน้ำเซอร์ คัมโพลาร์ที่อยู่ริมทะเลแอตแลนติก แปซิฟิก ซึ่งกระแสน้ำนี้มีปริมาณน้ำมากจนสามารถบรรจุในแม่น้ำทั้งหมดในโลกได้ถึง 150 เท่า

เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่เบาเลยนะคะ ลองคิดดูถ้าเราไปอยู่ท่ามกลางฝูงปลาดาวนับล้านตัว จะเป็นอย่างไรคะ

ขอบคุณที่มา http://www.yenta4.com/webboard/2/1245753.html

แหล่งพลังงานใหม่ของโลก

นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นยืนยันว่าสามารถทำฟิวชั่นแบบเย็นสำเร็จแล้ว

tags:

นักฟิสิกส์ญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า ได้ยืนยันว่าสามารถทำฟิวชั่นแบบเย็นป็นผลสำเร็จ การทดลองทำโดยการบังคับให้ก๊าซดิวเทเรียมข้าสู่ห้องที่มีพัลลาเดียม (Palladium) กระจายอยู่ในเซอร์โคเนียมออกไซด์ (Zirconium oxide)ภายใต้แรงดัน ซึ่งทำให้ดิวเทเรียมดูซึมพัลลาเดียมไว้ เป็นผลให้เกิดเป็น เดนเซอร์ (densor) หรือ พินโค (pynco) ดิวเทเรียม ซึ่งนิวเคลียสของดิวเทียมเรียมจะเข้าใกล้กันจะสามารถรวมตัวกันได้ ส่งผลที่ไห้เกิดเป็นอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่า 70 องศาเซลเซียส และส่วนแกนกลางยังคงมีอุณหภูมิที่อุ่นกว่ารอบนอก นานกว่า 50 ชั่วโมง

การทดลองนี้ยังไม่มีใครยืนยันผลการทดลองหรือทำซ้ำ

ที่มา - จาก Foosci.com ผ่าน Engadget.com ผ่าน /.

ข้อมูลเพิ่มเติม - Physicsworld.com

ต้นฉบับ - lenr-canr.org และ lenr-canr.org

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อะเมซิ่ง มะเหมี่ยวเผือก มีจำหน่ายแล้ว


14 บางกอก ทูเดย์ วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สำหรับ “เซลล์ผิว” ที่ต้องการการดูแลและการปกป้อง คงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและความอ่อนโยนควบคู่กัน
และหากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ เราขอแนะนำ ให้คุณลองมาสัมผัสกับ
“เซรั่มบำรุงผิว” ภายใต้แบรนด์ “มาลาบูกิ”
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากเซลล์เนื้อเยื่อของชมพู่ “มะเหมี่ยวขาว”
หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อนั่นคือ “มะเหมี่ยวเผือก”


นอกจาก “มะเหมี่ยวขาว” จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน
กรอบอร่อย อีกทั้งยังช่วยทำให้ชุ่มคอแก้กระหายน้ำได้แล้ว
ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้ชมพู่มะเหมี่ยวขาว
อีกอย่างหนึ่ง ก็คือสารสกัดจากเนื้อเยื่อคัพพะหรือรกของชมพู่
มะเหมี่ยวนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์

Embrio Syzygium Malaccense Extract


ซึ่งปมปริศนาที่เราค้นพบนี้ ได้ถูกนำมาสู่นวัตกรรมที่ดีที่สุด
ของการชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว


ด้าน “ภก.ปัญญา ปวงนิยม” ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข
และศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ
ด้านสมุนไพร ยา และสารสกัด ให้ความเห็นว่า


“...สารสกัดจากเนื้อเยื่อคัพพะของมะเหมี่ยวขาว สามารถ
นำมาใช้บำรุงผิว เพื่อผิวขาวที่สดใสและช่วยทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยได้”


เชิญมาร่วมพิสูจน์และค้นพบความลับแห่งธรรมชาติของ
ชมพู่มะเหมี่ยว พันธุ์ไม้ที่รักษาความชุ่มชื้น กันได้แล้วตั้งแต่วันนี้
นับถอยหลัง 1-10 เพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกยกกระชับของ
ทุกเซลล์ผิวหน้า เพียงสัมผัสแรกของการใช้ผลิตภัณฑ์

คัดลอกจาก : หน้า 14 นสพ.บางกอก ทูเดย์ วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

กลูตาไทโอน


กลูตาไทโอนคืออะไรและทำงานอย่างไร?

กลูตาไทโอน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เซลล์ร่างกายผลิตขึ้นมาเมื่ออยู่ในสภาวะเครียด อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น ได้รับสารพิษไม่ว่าจากสิ่งที่เรากินเข้าไปหรือยา ถูกแสงแดดมากเกินไป เป็นต้น
จะขอยกตัวอย่าง เปรียบเทียบการทำงานของสารกลูตาไทโอนดังนี้ โรงงานเมื่อผลิตสินค้าขึ้นมา ย่อมมีของเสียเกิดขึ้นและถ้าของเสียนี้ไม่ได้กำจัดทิ้งให้หมด ของเสียเหล่านี้ก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้คนในชุมชนไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยและมีผิวพรรณหมองคล้ำ

เซลล์คนเราก็เช่นกัน เมื่อผลิตพลังงานออกมา ก็ต้องมีของเสียเกิดขึ้น ของเสียที่เกิดขึ้นนี้ เราเรียกรวมๆ กันว่า อนุมูลอิสระ (FREE RADICALS) ซึ่งเมื่อสะสมมากขึ้นภายในเซลล์ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ลดลง และมีช่วงอายุที่สั้นกว่าปกติ
แต่เซลล์ร่างกายคนเราก็มีกลไกป้องกันตนเอง ด้วยการผลิตสารขึ้นมาเพื่อทำลายอนุมูลอิสระเหล่านี้ เราเรียกสารพวกนี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระ (ANTIOXIDANT)



สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายผลิตขึ้นมานี้ ที่สำคัญมีอยู่ 2 ตัว ที่ออกฤทธิ์ได้แรงและมีประสิทธิภาพสูง ตัวแรกจะไม่ขอกล่าวถึงเพราะต้องสังเคราะห์ภายในเซลล์เท่านั้น ตัวที่สองคือ กลูตาไทโอน ซึ่งเซลล์สามารถสังเคราะห์ได้เองและมีอยู่ในอาหารบางประเภท เช่น เนื้อ นม ไข่ เป็นต้น

สารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวหลักในการทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน และเมื่ออายุคนเรามากขึ้น การสังเคราะห์สารทั้งสองตัวนี้ก็ลดลงตามไปด้วย เมื่อเราอยู่ในสภาวะเครียด อย่างในกรณีได้รับสารพิษสะสม, กินยาบางประเภท, การทำงานกลางแดดจัด, อดหลับอดนอน, ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่, ป่วยเรื้อรัง เช่น เป็นมะเร็งหรือโรคเอดส์ เป็นต้น สภาวะเหล่านี้ จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมากและมากกว่าที่สารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองตัวนี้จะรับมือได้ อนุมูลอิสระที่เหลือรอดจากการถูกทำลายจำนวนมากนี้จะไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ลดลงและเสื่อมเร็วกว่าปกติ

เราจึงพบว่า คนที่อยู่ในสภาวะดังกล่าวจะมีสภาพซึมเซา ไม่สดชื่น อ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ เป็นมะเร็งได้ง่าย ผิวหน้าและผิวตัวหมองคล้ำ และที่สำคัญสารอนุมูลอิสระนี้จะไปเร่งการทำลายคอลลาเจนที่ผิวหนังให้เร็วขึ้น ดังนั้นคนเหล่านี้จึงมีผิวพรรณที่หย่อนยานและดูแก่กว่าวัยอันควร

จากการศึกษาวิจัยพบว่า กลูตาไทโอนจะเป็นตัวทำลายอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ภายในเซลล์
ที่มีประสิทธภาพ ส่วนวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ภายนอกเซลล์ เมื่อให้สารสองตัวนี้ร่วมกัน จะส่งเสริมฤทธิ์ของซึ่งกันและกัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองตัวนี้สูงขึ้นเป็นทวีคูณ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ควรให้สารสองตัวนี้พร้อมกัน จะทำให้สุขภาพร่างกายสดชื่นขึ้นและผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ กลูตาไทโอนยังช่วย เพิ่มภูมิต้านทาน ของร่างกาย ช่วยให้ตัวอสุจิของผู้ชายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ดีขึ้น

ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา มีการวิจัยด้วยการนำกลูตาไทโอนมาใช้ควบคู่กับการรักษาโรคเอดส์และโรคมะเร็ง พบว่าคนไข้เหล่านี้มีอาการทั่วไปดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ถึงแม้จะไม่ได้หายจากโรคที่เป็นอยู่ แต่อาการโดยรวมจะดีขึ้น โดยเฉพาะคนไข้ที่เป็นเอดส์ พบว่าสามารถยืดระยะเวลาที่แสดงอาการออกไปได้ และที่สำคัญพบว่า คนไข้เหล่านี้ นอกจากจะมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นแล้ว ยังมีหน้าตาสดชื่นและผิวพรรณแจ่มใสเป็นประกาย ต่างจากเดิมที่เป็นอยู่

จากกรณีดังกล่าว จึงมีแพทย์บางท่านได้ทดลองนำกลูตาไทโอนมาใช้ทางด้านผิวพรรณในคนปกติ
พบว่าสามารถทำให้ผิวพรรณของคนเหล่านี้ สดใสเป็นประกายสว่างไสว จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในแวดวงภาพยนตร์ฮอลลีวูด ดารามีชื่อแทบทุกคนจะฉีดยากลูตาไทโอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สุขภาพของดาราเหล่านั้นดีขึ้นแล้ว ยังช่วงให้ผิวพรรณของพวกเขาเป็น ประกายสว่างไสวอย่างโดดเด่นเวลาอยู่ท่ามกลางหมู่คนจำนวนมาก
Written By : Dr.Bunlue

แนวโน้มตลาดเวชสำอางทั่วโลก



แนวโน้มตลาดเวชสำอางทั่วโลกแตกต่างจากแนวโน้มตลาดเวชสำอางในไทย

ข้อมูลพวกนี้มีผลอย่างไรต่อตลาดที่อยู่ในมือคุณ? เรื่องนี้คุณไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจเครื่องสำอาง... นี่เป็นเรื่องที่คุณต้องรู้!
จากการสำรวจตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกพบว่า ในกลุ่ม Skin Care ตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วที่สุดก็คือ ตลาดเวชสำอาง (Cosmeceutical Market) ครับ... ซึ่งมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 55,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ! – ใช่ครับ... คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ ตัวเลขนี้ได้มาจากการประชุมประจำปีทางด้านเวชสำอางครั้งที่ 5 (5th Annual Cosmeceutical Conference) เมื่อวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2008 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Marriott East side ในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และงานนี้ก็จัดโดย ALM หรือ Strategic Research Institute


หัวข้อหลักๆ ที่พูดถึงกันมากในงานนี้ก็คือ Skin care ในกลุ่ม Anti-aging, Natural ingredients และเครื่องสำอางสำหรับคนสีผิว ส่วนผู้ที่ได้รับเชิญมาพูดในงานนี้ก็ล้วนแต่เป็นแพทย์และผู้ที่เชี่ยวชาญโดยตรง
ในงานนี้ Navin Geria คอลัมนิสต์ชื่อดังของ Happi magazine ได้พูดย้ำให้เห็นว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มีความคาดหวังและต้องการใช้เครื่องสำอางที่ใช้แล้วเห็นผลจริงและเห็นผลเร็ว! แต่ส่วนใหญ่มักจะผิดหวังกับการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากการโฆษณา ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือสินค้าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อได้นำเสนอเครื่องสำอางที่มีราคาสูงโดยอ้างว่าเห็นผลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง (ซี่งแบรนด์ที่ว่านี้ต่างก็เข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วย มีหลายคนที่เป็นเหยื่อ เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น)
นอกจากนี้คุณ Navin Geria ยังได้พูดถึงแนวโน้มใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกก็คือ เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงตลาดเครื่องสำอางในอนาคต อย่างเช่นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
และยังระบุไว้ด้วยว่า คนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการผ่าตัดศัลยกรรมความงามและการใช้โบท๊อกซ์ให้น้อยลง โดยจะหันมาเน้นเรื่อง ความสวยจากภายในสู่ภายนอก (Beautiful inside and out) ดังนั้นผู้บริโภคจึงเริ่มมาสนใจการกินอาหารเสริมหรือวิตามินที่จะช่วยให้ดีขึ้นทั้งด้านสุขภาพและผิวพรรณ
จูเลีย แมคนามารา รองประธานของ Datamonitor ได้พูดถึงแนวโน้มในอนาคตของเวชสำอางในอเมริกา โดยเน้นย้ำว่า พฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคในอเมริกาเองหรือที่อื่นๆ ทั่วโลก จะซื้อเนื่องจาก “มีการแนะนำกันแบบปากต่อปาก”

นักพูดอีกคนที่น่าสนใจในงานก็คือ Dr. Andrew F. Alexis ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของ Skin of Color Center จากโรงพยาบาล St. Luke’s-Roosevelt และเป็นผู้ที่ได้พัฒนาเวชสำอางสำหรับคนสีผิวขึ้นมา
ไฮไลต์ในหัวเรื่องนี้ก็คือ เขาได้ชื้ให้เห็นว่า เวชสำอางสำหรับคนสีผิวนั้น ซึ่งรวมไปถึงคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน, ลาตินและคนเชื้อสายเอเชีย ต่างก็ใช้จ่ายเงินไปถึง 1.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ไปกับการซื้อเครื่องสำอาง ซึ่งเครื่องสำอางที่พวกเขาหาซื้อกันก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้สีผิวสว่างขึ้น ขาวขึ้นและดูสดใส และแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็น ไฮโดรคิวโนน, Arbutin, Kojic acid, retinols, licorice, niacinamide, AHA หรือ Vitamin C + E — ขอแต่เพียงให้สีผิวของตนเองดูดีขึ้น, สว่างขึ้น, ขาวใสขึ้นเท่านั้น! — นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาพอใจและต้องการ

... กลับมาที่ประเทศไทยเรา พฤติกรรมเช่นนี้ของคนไทยเราก็ไม่ได้แตกต่างไปจากของคนสีผิวในอเมริกาหรือที่อื่นๆ ทั่วโลก เพราะถึงอย่างไรเสียคนเอเชียก็ยังมีค่านิยมที่ว่า “ผิวหน้าที่สว่างสดใส บ่งบอกถึงความมีราศีและความมั่งคั่ง” – หรือคุณว่าไม่จริง?
Written By : Dr.Bunlue

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

SPF คุณแน่ใจหรือว่า... คุณเข้าใจถูกต้อง?



SPF คืออะไร?
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor
มีค่าอยู่ที่ 2 ถึง 50


ค่านี้บอกอะไรเราได้บ้าง...

ค่านี้บ่งบอกถึง ความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการปกป้องผิวหนังจากแสงแดด

ยกตัวอย่าง ถ้าคุณใช้ครีมกันแดดตัวหนึ่งที่มี SPF 15 หมายความว่า ตัวคุณสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานถึง 15 เท่าของเวลาที่คุณจะอยู่ได้ โดยที่คุณไม่ถูกแดดแผดเผา -- หรือขยายความให้ชัดก็คือ ถ้าปกติคุณออกแดดนาน 10 นาที ผิวของคุณก็จะเกิดอาการไหม้แดงขึ้นมา
ดังนั้น ถ้าคุณใช้ครีมกันแดด SPF 15 นั่นหมายความว่า คุณสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานขึ้น
15 เท่า โดยที่ผิวของคุณไม่มีอาการอะไร -- พูดให้ชัดๆ ก็คือ คุณสามารถอยู่กลางแดดได้นาน
= 10 นาที x 15 (ค่าของ SPF) = 150 นาที

คงชัดเจนนะครับ... บรรดาเกจิอาจารย์หลายท่านตกม้าตายมาก็มาก แม้แต่พวกแพทย์ที่เก่งๆ ก็ตามเถอะ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะชี้ให้ทุกคนเห็น... จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ขายบางราย
ที่มักจะชี้แนะว่าต้อง SPF ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี -- ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า ความสามารถในการ ปกป้อง
ของ SPF ไม่ได้สูงขึ้นเป็นสัดส่วนโดยตรงกับค่า SPF ที่สูงขึ้น -- ยกตัวอย่างให้ชัด คือ SPF 2 จะสามารถดูดซับรังสี UV ได้ 50%, ถ้า SPF 15 จะดูดซับรังสี UV ได้ 93% และถ้า SPF 34 จะดูดซับได้ 97%

เห็นหรือยังครับว่า... พวกเราตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์ที่เอา SPF สูงเข้าล่อ

ปัจจุบันจะมี UPF (Ultraviolet Protectine Factor) ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ ทั้ง UPF และ SPF แตกต่างกันตรงที่ UPF เป็นค่าที่บอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB

ในขณะที่ SPF บ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ตารางข้างล่างเป็นการเปรียบเทียบ UPF และ SPF

Classification Category Rating %UV Blocked

Very Good UV Protection UPF 25, 30, 35 96.0% - 97.4%
Very Good UV Protection SPF 25, 30 96.0% - 97.4%
Excellent UV Protection UPF 40, 45, 50+ 97.5% - 98.0%
Excellent UV Protection SPF 30 97.5+%

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อยากจะปิดการขายเครื่องสำอางเก่ง

อยากจะปิดการขายเครื่องสำอางเก่ง
คุณควรรู้... กายวิภาคของผิวหนังและหน้าที่


ผิวหนัง จัดว่าเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และจะห่อหุ้มร่างกายเราไว้ทั้งหมด ทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ใต้ลงไป จากความร้อน แสง การติดเชื้อ และสภาพแวดล้อมทั้งหลาย นอกจากนี้มันยังทำหน้าที่




๐ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
๐ เป็นที่กักเก็บน้ำและไขมัน
๐ มีปลายประสาทรับรู้ความรู้สึก
๐ ป้องกันการสูญเสียน้ำ
๐ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย



ผิวหนังทั่วทั้งร่างกาย จะมีความแตกต่างกันไปทั้งสี ความหยาบละเอียด และความหนา ยกตัวอย่าง ที่ศรีษะจะมีรากผมอยู่มากกว่าที่อื่น ในขณะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าไม่มีเลย แต่จะมีความหนาของชั้นผิวที่มากกว่า เป็นต้น




ผิวหนังประกอบไปด้วยชั้นต่างๆ ซึ่งแต่ละชั้นก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ดังนี้




๐ ชั้นอีพิเดอมีส (Epidermis)
๐ ชั้นเดอมิส (Dermis)
๐ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutneous fat layer)
๐ ชั้นอีพิเดอมีส




ถือว่าเป็นชั้นนอกสุดของผิวหนัง ชั้นนี้เรียกกันง่ายๆ ว่า หนังกำพร้า ประกอบด้วย 3 ส่วน:-
สเตรตัม คอร์เนียม (Stratum Corneum) เรียกเข้าใจง่ายๆ คือชั้นขี้ไคล ชั้นนี้จะประกอบไปด้วยเซลล์คีราติโนไซต์ (Keratinocytes) ซึ่งจะผลิตสารเคอราติน (Keratin) และเคอราตินนี้เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น ชั้นนี้จะป้องกันสิ่งแปลกปลอมภายนอกไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย

นอกจากนี้ ยังป้องกันการสูญเสียของน้ำออกจากร่างกายด้วย
ชั้นขี้ไคลนี้ ถ้าเกาะติดกันแน่นและไม่ลอกหลุดตามเวลาที่ควร ก็จะไปอุดตันตามรูขุมขนได้ เป็นที่มาของสิวเสี้ยน และเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบตามมาได้ ดังนั้นการใช้กรด AHA ก็จะไปเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นนี้ได้ จึงช่วยลดสิวเสี้ยนลงได้

เซลล์คีราติโนไซต์ (หรืออีกชื่อ สความาสเซลล์ - Squamous cell) ถ้าเรียกแบบชาวบ้านก็คือ หนังกำพร้านั่นเอง ชั้นนี้จะอยู่ถัดใต้ชั้นสเตรตัม คอร์เนียมลงไป เป็นชั้นเซลล์คีราติโนไซต์ที่มีชีวิต และเป็นเซลล์ที่มีอายุโตเต็มวัย ซึ่งพร้อมจะกลายสภาพไปเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว (ซึ่งก็คือชั้นสเตรตัม คอร์เนียม) และหลุดลอกกลายเป็นขี้ไคล

ชั้นเบเซิล (Basal Layer) เป็นชั้นที่ลึกที่สุดของชั้นอีพิเดอมีส ที่ชั้นนี้จะมีเบเซิลเซลล์อยู่ และแผ่คลุมต่อเนื่องกันตลอด เบเซิลเซลล์นี้จะแบ่งตัวและสร้างเป็นเซลล์คีราติโนไซต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทดแทนเซลล์คีราติโนไซต์ที่เสื่อมสภาพกลายไปเป็นชั้นสเตรตัม คอร์เนียม

ในชั้นอีพิเดอมีสนี้จะมีเซลล์เมลาโนไซต์แทรกตัวอยู่ ซึ่งเซลล์เมลาโนไซต์นี้จะเป็นตัวที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (ทำให้เกิดสีผิว)

โดยปกติเซลล์ชั้นหนังกำพร้า จะมีการผลัดเปลี่ยนกลายเป็นขี้ไคลตลอดเวลา และหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติ ตามรูป (1) คือเซลล์ชั้นเบเซิล จะแบ่งตัวและเติบโตกลายเป็น เซลล์คีราติโนไซต์ ซึ่งเซลล์ที่เกิดใหม่ (2) จะอยู่ด้านล่าง เมื่อเซลล์คีราติโนไซต์แก่ตัวก็จะถูกดันขึ้นอยู่ด้านบน (3) จากนั้นก็ตายกลายเป็นชั้นสเตรตัม คอร์เนียม ซึ่งก็คือชั้นขี้ไคล (4) นั่นเอง

ผิวหนังในเด็ก ขบวนการนี้จะเกิดขึ้นเร็ว ทำให้เด็กมีผิวหน้าใส, เรียบเกลี้ยง แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการดังกล่าว จะเกิดขึ้นช้าๆ ทำให้การผลัดเซลล์ผิวช้าลง ขี้ไคลก็จะพอกหนาขึ้น

เมื่อมีปัจจัยภายนอกต่างๆ มาเสริม เช่น โดนแสงแดดบ่อย, มลพิษ, สารเคมี, สูบบุหรี่ ก็จะไปเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ผิวหยาบกร้าน, มีรอยด่างดำ, ตกกระ, ฝ้า รอยเหี่ยวย่น ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
๐ ชั้นเดอมีส
เป็นชั้นที่อยู่ตรงกลาง จัดว่าเป็นชั้นหนังแท้ ที่ชั้นนี้จะมี
๐ หลอดเลือดขนาดเล็ก มาหล่อเลี้ยง
๐ ท่อน้ำเหลือง
๐ รากขน
๐ ต่อมเหงื่อ
๐ เส้นใยคอลลาเจน
๐ เซลล์ไฟโบรบลาส (Fibroblast) ซึ่งเป็นตัวที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin)
๐ เส้นประสาท

ชั้นเดอมีสนี้ จะถูกยึดเข้าหากันด้วยเส้นใยคอลลาเจน ชั้นนี้จะมีปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บ
และสัมผ้ส ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง

เป็นชั้นที่อยู่ลึกที่สุด ชั้นนี้จะมีเครือข่ายของเส้นใยคอลลาเจนและเซลล์ไขมัน ช่วยในการเก็บสะสมพลังงานความร้อนไม่ให้สูญเสียออกนอกร่างกาย และช่วยปกป้องร่างกาย ด้วยการดูดซับแรงกระแทกจากภายนอก

ความรู้เรื่องผิวหนังจะช่วยให้คุณเข้าใจกลไกการทำงานของสารเคมีบางกลุ่ม ช่วยให้คุณเข้าใจว่า ปัญหาต่างๆ ของผิวหน้าว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? ซึ่งไว้บทความต่อไป ผมจะประยุกตฺ์เรื่องนี้เพื่อให้คุณมองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น -- และเมื่อคุณเข้าใจดีแล้ว... คุณก็จะเลือกเองได้ถูกต้องว่า ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อะไรไปขาย และควรขายอะไรให้กับลูกค้าของคุณคนไหน? -- ไม่ใช่ซื้อมาแล้วขายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะขายให้ใคร เพราะคุณเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันมีประโยชน์จริงๆ อย่างไร?... เพราะมัวแต่ปล่อยให้ผู้ผลิตพูดชี้นำคุณอยู่ฝ่ายเดียว...!

เฮ้อ... เสียเงินไม่ว่า -- ยังต้องมาโดนว่า ให้ช้ำใจอีก... กลุ้ม!

ฝ้า กระ เกิดขึ้นได้อย่างไร? — หายขาดได้หรือไม่?



ฝ้า กระ เป็นความผิดปกติของเซลล์เมลาโนไซต์ที่สร้างเม็ดสีเมลานินมากเกิน

ซึ่งสัมพันธฺ์กับปัจจัยหลัก 3 ประการคือ


๐ ฮอร์โมนเพศ
๐ แสงแดด
๐ กรรมพันธุ์


ฮอร์โมนเพศ
ส่วนใหญ่เราจะพบฝ้าและกระในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่... ทำไม? เพราะสภาวะฮอร์โมนเพศหญิงนั่นเอง
ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายสูงขึ้น ก็ทำให้มีโอกาสเป็นฝ้า กระได้มากกว่าปกติทั้งนั้น สภาวะที่ว่านั้นได้แก่ การตั้งครรภ์ ยาคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งก็รวมไปถึงยาบางตัวที่เป็นฮอร์โมนและมีสูตรโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นต้น
ตอนนี้ก็มีคำถามตามมาว่า ยังงี้ทำไงถึงหายขาดได้? -- คำตอบ... ยากครับ คงต้องรอให้หมดประจำเดือน ซึ่งก็คง อายุราว 45 - 50 ปี เห็นจะได้ เพราะถึงตอนนั้นฮอร์โมนเพศหญิงก็คงจะหมดแล้ว

แสงแดด
เป็นปัจจัยหลักอีกตัวหนึ่ง ดังนั้น เราจึงมักเห็นฝ้าและกระชอบขึ้นบริเวณใบหน้าส่วนที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าบริเวณอื่น เช่น โหนกแก้ม สันจมูก ริมฝีปาก เป็นต้น โดยรังสี UV จะไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ขึ้นที่ชั้นผิวหนังและอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ จะไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ให้สร้างเมลานินเพิ่มขึ้น รังสี UVA และรังสีช่วงที่มองด้วยตาเปล่าได้ (320-700 nm.) จะสามารถกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ให้สร้างเม็ดสีเมลานินได้ดีกว่า ดังนั้น ถ้าต้องการจะปกป้องผิวจากแสงแดดให้ได้ผลดี ควรเน้นครีมกันแดดที่สามารถปกป้องรังสี UVA เป็นหลัก หรือไม่ก็เป็นครีมกันแดดที่สามารถปกป้องได้ทุกคลื่นรังสี (Broad Spectrum UV Protection)

กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์ จะมีความสัมพันธ์กับกระเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ถ้าคนในครอบครัวเป็นกัน โอกาสที่คนนั้นจะเป็นกระก็มากกว่าคนทั่วไป เชื้อชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมที่ใกล้ชิดกัน เราจึงเห็นว่าบางเชื้อชาติ ผู้หญิงจะเป็นกระมาก เช่น ชาวยุโรป เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งเมื่อคุณเข้าใจดีแล้ว จะได้แนะนำลูกค้าของคุณได้ถูกต้องว่า ฝ้าและกระเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะรักษาให้หายขาดได้ -- แต่คุณก็สามารถจะรักษาให้ฝ้าและกระของลูกค้าของคุณจางลงได้มาก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุณมีอยู่ ซึ่งในบทต่อไป ผมจะแนะนำคุณว่า สารเคมีหรือสารสกัดตัวใดที่จะใช้รักษาให้ฝ้าและกระจางลงได้

ขอย้ำอีกประเด็นที่สำคัญมาก -- คุณอาจจะได้รับข้อมูลหรือได้เห็นโฆษณามากมาย ที่บอกว่าผลิตภัณฑ์ของเขา สามารถรักษาฝ้าและกระให้หายขาดได้ 100% ทั้งหมดนั้น -- เป็นการหลอกลวงที่น่ากลัวที่สุด!
จากข้อมูลด้านบน ที่ผมได้อธิบายให้คุณเข้าใจ... คุณจะเห็นว่าไม่มีทางเลย ที่จะหายจากฝ้าและกระได้ นอกเสียจากจะทำให้มันจางลงได้เท่านั้น แล้วก็ใช้เทคนิกการแต่งหน้ามาช่วยกลบเกลื่อน อีกที

... อืม ยังมีอีกอย่าง ใช่เลย กรณีที่คุณได้ผ่าตัดเอารังไข่ทั้งสองข้างออกไปแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายของคุณก็จะหมดไปด้วย ถ้าอย่างนี้ คุณอาจจะหายจากฝ้า กระได้ และถ้าคุณทนต่อสภาพผิวหนังแตกแห้งไม่ได้หรือสภาวะวูบวาบตามตัว (อันเกิดจากสภาวะฮอร์โมนเพศหญิงหมดไป -- วัยทอง) ซึ่งทำให้คุณต้องกินฮอร์โมน... แน่นอน มันก็จะกลับมาเยี่ยมเยียนคุณอีก

อย่าลืมนะครับ นำข้อมูลที่ผมถ่ายทอดให้คุณนี้ ไปอธิบายให้ลูกค้าของคุณเข้าใจ และจริงใจต่อเขา... เชื่อผมเถอะว่าท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะสามารถขายผลิตภัณฑ์ของคุณได้

ทิป 10 ข้อในการปกป้องผิวจากแสงแดด



๐ 10 ทิป ในการปกป้องดูแลผิวนี้ คุณควรใช้เป็นแนวทางในการปกป้องผิวของคุณ -- ถ้าคุณจริงจังกับปัญหาเรื่องริ้วรอย และกลัวจะแก่ก่อนวัย -- อย่าเสี่ยงด้วยการปล่อยให้มันเกิดขึ้นก่อน แล้วมารักษาเอาทีหลัง... รับรองกระเป๋าคุณฉีกแน่!


1) รังสี UV ที่สะท้อนจากพื้นผิวทราย, น้ำ, ทางเดินเท้า, ผนังซีเมนต์และหิมะ จะมีปริมาณที่มากกว่าการได้รับจากแสงแดดโดยตรงถึง 2 เท่า!!!... น่าเหลือเชื่อ

2) ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงตอน 15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แดดจัดที่สุด

3) ให้ทาครีมกันแดดอย่างน้อยที่สุดควร SPF 15 ขึ้นไป ถึงจะเป็นวันที่มีเมฆครึ้มก็ตาม

4) ถึงจะทาครีมกันแดดป้องกันไว้อย่างดีแล้ว ก็ควรจะใส่เสื้อคลุมทับไว้ให้มิดชิด (เสื้อเชิร์ทโดยทั่วไปจะให้ค่า SPF ได้ในช่วง 5 - 8)

5) ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15 นาทีและทาซ้ำบ่อยๆ (ถ้าต้องการเห็นผล) โดยเฉพาะตอนออกกำลังกาย ว่ายน้ำ หรือทำงานกลางแดดจัด

6) ใช้แว่นกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB และต้องกรองรังสีได้อย่างน้อย 80% ขึ้นไป

7) การทาครีมกันแดดเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการดูแลผิวเราเท่านั้น คุณควรจะต้องใช้ทั้งหมวก ร่มกันแดด แว่นกันแดด และใส่เสื้อผ้าสวมให้มิดชิด แค่นี้ยังไม่พอ... ควรจะหลบแแดดได้ก็ยิ่งดี

8) อย่าลืมทาครีมกันแดดที่ใบหูและคอด้วย -- ไม่ใช่เน้นเฉพาะใบหน้าเพียงอย่างเดียว และริมฝีปากก็ต้องทาลิบบาล์ม (Lip balm) ที่มี SPF ด้วย

9) การอยู่ในร่มไม่ใช่ว่าคุณจะปลอดภัย 100% ถึงแม้แสงแดดจะไม่ถูกต้องตัวคุณ แต่รังสี UV ก็สามารถสะท้อนเข้ามาในร่มได้ เพราะฉะนั้นการทาครีมกันแดดป้องกันไว้จะปลอดภัยที่สุด แม้คุณจะทำงานในตึกก็ตาม

10) ในเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ก็ควรเริ่มทาครีมกันแดดป้องกันไว้จะดีที่สุด

... และอย่าลืมถ่ายทอดให้กับลูกค้าของคุณด้วย -- เขาจะได้มีความรู้สึกที่ดีกับคุณและคิดว่า -- คุณมีอะไรดีดีให้เขาอีกมาก... !!!

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

Deionized water น้ำบริสุทธิ 100%

เปิดดู : ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Deionized water น้ำบริสุทธิ 100%
หลายปีก่อน น้ำปราศจากไอออนได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อยู่ในเพียงวงจำกัด และมักใช้กันในห้องปฏิบัติการเท่านั้นแต่ทุกวันนี้ น้ำปราศจากไอออนได้กลายมาเป็นส่วนผสมที่บริสุทธิ์ในการนำไปใช้ประโยชน์หลายทาง เช่น ทางยา เภสัชกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมเครื่องมืออิเล็กโทรนิกส์ กระบวนการผลิตอาหาร และในอุตสาหกรรมอีกจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่การล้างน้ำครั้งสุดท้ายของการล้างรถ ทั้งนี้เพราะน้ำปราศจากไอออนเป็นน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก จึงทำให้สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย บทนำ น้ำปราศจากไอออน (Deionized water) หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่าน้ำ DI เป็นน้ำที่ผ่านการกรองไอออน โดยใช้เรซินเป็นตัวกรองจึงทำให้น้ำที่ได้ไม่มีไอออนหลงเหลืออยู ่ และเปน็ น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงอย่างแท้จริง เพราะโมเลกุลที่เหลืออยู่ในน้ำปราศจากไอออนจะมีเพียงโมเลกุลของน้ำ (H2O) เท่านั้น ปัจจุบันวิธี deionizationเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการทำน้ำบริสุทธิ์และยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับวิธีการทำให้น้ำบริสุทธิ์วิธีอื่นๆ เช่น RO(Reverse Osmosis) การกรอง การกลั่น และ การใช้ตัวดูดซับคาร์บอน (Carbon adsorption) ได้ แต่ถึงแม้วิธี deionization จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดเพราะไม่สามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์ได้ นอกจากนี้ เชื้อจุลินทรีย์ยังสามารถอาศัยอยู่บนเรซิน ซึ่งจะทำให้เกิดการปนเปื้อนและสร้างความเป็นพิษในน้ำได้อีกด้วย ดังนั้น การจะทำให้น้ำบริสุทธิ์และปราศจากเชื้อด้วยจึงต้องใช้หลายๆวิธีควบคู่กัน วิธีการกรองไอออน (Ion Exchange) วิธีนี้เป็นวิธีการทำน้ำให้บริสุทธิ์โดยวิธีทางเคมี ทำโดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านเรซินแบบ Ion exchange ทำให้สิ่งเจือปนที่มีขั้ว ตรงกันข้ามกับเรซินถูกกรอง เรซินที่ใช้กันโดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบแคทไอออน สำหรับกรองไออนบวกชนิดต่างๆ เช่น Na+, Ca2+, Mg2+ และแบบแอนไอออน สำหรับกรองไอออนลบชนิดต่างๆ เช่น Cl-, HCO4-, SO4- การกรองผ่านเรซินเป็นวิธีที่ประหยัดและใช้ได้ผลกับสิ่งเจือปนที่เป็นไอออน แต่ไม่สามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์ได้ โดยการกรองไอออนที่นิยมใช้ในการทำน้ำให้บริสุทธิ์มากที่สุดก็คือ การกรองโดยวิธี Deionization

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

ซุบซิบ กะพริบ ข่าว ฤา โดย กระจิบข่าว



ผลิตภัณฑ์ ที่จัดเซท ทั้งหมด จาก 2,000 บาทเป็น 2,400 บาท ซึ่งก็เป็นที่ถกและเถียงกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
๐ ล่วงเลยจนมาถึงปี 2009 หรือ 2552 เราก็ยังเถียง และถก กันอยู่นั่นแหละ ก็ดีเหมือนกัน ผลประโยชน์ตกอยู่กับจำเลย ไม่ใช่สิ ตกอยู่กับผู้บริโภค คือ เหล่าสมาชิกใหม่ ที่จะสมัครเพื่อซื้อสินค้าจัดเซท ของ มาลาบูกิ ซึ่งก็มีการจัดไว้ให้เลือกกันถึงหกเซ็ท
๐ แว่วๆ มาว่ามีการเสนอจากสมาชิก ให้เปิดเซทที่เจ็ดและเซทที่แปด เร็วๆ นี้ อีกด้วย จะจัดซักกี่เซทเพื่อสมาชิกแล้ว ท่านผู้บริหาร ก็ไม่อิดออดไม่รอช้า จัดได้จัด ให้ได้ให้ ตามสไตล์ คนใจดี ผู้ออกคอนเซ็ป รางวัล ใจดี อะวอร์ด ที่มีสมาชิกรับไปแล้วหลายราย ค่ะ ฮึ่ๆๆ ตาร้อน อิจฉา น่ะ
๐ ค่ะแต่ไหง วาระเก่า ของปีเก่า จึงข้ามมาปีใหม่ ก็ไม่รู้แว่วๆ ดังๆ ว่าจะยังไม่ขึ้นราคาสินค้าจัดเซท แต่....จะเก็บค่าสมัคร ปี ละ ครั้ง จ้า อ้าวไหงเป็นงั้น
สมมุติ เหตุการณ์ เพื่อความเข้าใจ ที่ไม่อยากเข้าใจ ว่าปีนี้ ปี 2009 เขาก็จะเก็บค่าสมัคร 9 บาท ก็คือ 2000+9 ไง หมายความว่า สมาชิกใหม่ ถ้าจะปิดรหัสครั้งแรก เพื่อซื้อสินค้าจัดเซท
ก็ต้องใช้ตังค์ 2,009 บาท น่ะ เข้าใจยัง
๐ ถ้าปีหน้า คือ ปี 2010 สมาชิกเก่า ก็เสียค่าครู เอ้ย ค่าสมาชิกรายปี 10 บาท ถ้าท่านที่ยังไม่เคยสมัครเลย มาสมัครครั้งแรกและซื้อสินค้าจัดเซท 2000 บาท ก็ต้องใช้ตังค์ ค่าครู เอ้ยค่าสมัครสมาชิกอีก 10 บาท หมายถึงปีหน้า ปี 2010 น่ะ
๐ นั่นก็คือ ในปี คศ 2109 หรืออีกร้อยปีข้างหน้า เราจะเสียค่าสมัครสมาชิกใหม่ หรือค่าต่อสมาชิกภาพสำหรับสมาชิกเก่า เป็นเงิน 100 บาท โหอีกตั้งร้อยปี โน่นจะคิดไปทำไม ก็ไม่รู้ ตอบง่ายๆ ภาษาชาวบ้านร้านตลาด ก็คือเขาจะขึ้นค่า สมัครสมาชิกใหม่ และค่าต่อสมาชิกภาพ สำหรับสมาชิกเก่า
ปีละ 1 าท นั่นเอง.....โย้วๆๆๆ


๐ เอ้อ หนุกดีนะ มาลาบูกิ นี่ชอบทำอารายแปลกๆ แต่ก็น่ารักสมชื่อ แฮะ.......................กระจิบข่าว ไปล่ะ